Wednesday, October 7, 2009

เมาบุญ

นิตยสาร Secret ปีที่ 1 ฉบับที่ 22

โดยคุณเศรษฐศิริ หัวข้อเรื่อง "ผู้เมาบุญ"

บางส่วน เขียนไว้ดังนี้


การทำบุญในพระพุทธศาสนาต่างกับการทำบุญทั่วไปที่มักเหมารวมกับการทำทาน



เชื่อกันว่าเมื่อทำบุญแล้วจะยิ่งมีความรวย ความมั่งคั่งในชาติหน้า

มีการขอพรพระ ขอเทวดาศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย แสวงหาวัตถุมงคลมาครอบครอง

ทำโดยความเมาบุญ หลงลืมไปว่านั่นเป็นการกระทำด้วย...

ความโลภ อยากได้ อยากมี อยากเป็น



เมื่อเห็นผู้อื่นทำบุญได้มากกว่าก็อิจฉาในบุญของผู้อื่น ตระหนี่ในบุญของตนเอง

ยิ่งพอกพูนกิเลส ยิ่งยึดมั่น ถือมั่น ถือผิด ๆ ว่าสวรรค์คือสิ่งวิเศษ

ทั้ง ๆ ที่เป็นภพแห่งการมัวเมาลุ่มหลงในกามสุขอย่างยากที่จะถอดถอน

แทนที่จะทำบุญเพื่อคลายความตระหนี่ ความยึดมั่นถือมั่น

สละซึ่งความอยากได้ อยากมี อยากเป็น

กลับทำด้วยกิเลส เป็นการลงทุน สุดท้ายต้องเป็นทุกข์เพราะความอยาก

และไม่สมหวังในความอยากนั้น จึงได้ชื่อว่าเป็น "ผู้เมาบุญ"



พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนเพื่อให้สัตว์โลกถอดถอนความยึดมั่น ถือมั่น

คลายความหลงผิด พระองค์ทรงสอนเรื่องทุกข์

เพื่อจะได้พ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริง เพื่อความสิ้นภพสิ้นชาติ

ปัจจุบันเรารู้จักแต่อยากทำทาน กลายเป็นศาสนาพุทธคือเข้าวัดทำทาน..จะได้รวย

ซึ่งห่างไกลกับคำสอนเหลือเกิน



เมื่อทำบุญให้ถูก และหมั่นรักษาศีลจึงจะเกิดกุศลจิต คือใจที่คลายความตระหนี่

คลายจากความโลภ ละจากความยึดมั่นถือมั่น ว่านั่นคือของเรา นี่คือของเรา

จิตที่เป็นกุศลนี้จึงจะเป็นจิตที่เหมาะสมกับการทำสมาธิ

รู้ตามความเป็นจริง ไม่เป็นมิจฉาสมาธิ



การทำบุญที่ถูกตรงจึงหมายถึง "ละ" เพื่อจิตที่เป็นกุศล



หากประพฤติแล้วกิเลสเพิ่มมากขึ้น ยึดติดมากขึ้นนั่นย่อมไม่ใช่ธรรมะ

การนับถือสิ่งภายนอก เช่น พระ อิฐ ปูน โบสถ์ วิหาร

พระพรหม เทวดา ผีสาง เครื่องรางของขลัง วัตถุ ฯลฯ เป็นที่พึ่ง

จึงไม่ใช่ชาวพุทธที่แท้จริง


ที่มา: http://vanecia.diaryclub.com/20090608/0/0/4-ผู้เมาบุญ.html

No comments:

Post a Comment