Friday, October 23, 2009

Anapanasati_1

การฝึกฝนจิต หรือการบังคับจิตให้อยู่ในอำนาจนั้น
เป็นของสำคัญมากที่สุด
เท่าๆกับที่มันเป็น ของธรรมดาที่สุดเหมือนกัน
แต่อาศัยความที่มีผู้สนใจน้อย
จึงดูคล้ายเป็นของยากหรือพ้นวิสัย
ซึ่งแท้ที่จริงเป็นเพียงในสมัยที่โลก
มีความนิยมหนักไปในทางวัตถุเกินไปเท่านั้น

ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่าเป็นของธรรมดา
ก็โดยอาศัยเหตุผลที่ว่า
มันเป็นสิ่งที่ถ้าเราตั้งใจฝึกกันจริงๆแล้ว
ดุจเดียวกับเรื่องทางภายนอกหรือทางกายแล้ว
ก็อาจลุถึงผลสำเร็จได้เป็นขั้นๆดุจกัน

การฝึกทางกายเช่น พลศึกษา
ในด้านกีฬา คนเราสามารถทำได้แปลกๆ
โดยที่ฝึกฝนมาอย่างถูกเทคนิค
แต่ถึงจะแปลกสักเพียงใดก็ดี
เมือพิจารณาดูแล้วเราย่อมถือกันว่าเป็นของธรรมดาที่สุด
ผู้ที่มีกำลังกายสมตามมนุษย์ที่จะพึงมีแล้ว
ย่อมฝึกได้กันทั้งนั้น
แต่ที่เราไม่เป็นนักกีฬากันไปทุกคน
ก็เพราะบางคนไม่ชอบ และไม่จำเป็น

การฝึกฝนอยู่เสมอๆช่วยให้กระทำได้แปลกๆ
และวิจิตรยิ่งขึ้นไปเมื่อกระทำถูกวิธี มีความพอใจที่จะทำในเบื้องต้น
มีความเพียรพยายามในท่ามกลาง ไม่ขาดสาย
ก็สามารถลุถึงผลสำเร็จในที่สุด

เพราะฉะนั้น จึงกล่าวว่า
การฝึกฝนจิตนี้เป็นของธรรมดา
เช่นเดียวกับการฝึกทางกาย คือ
เมื่อมีการฝึกมากและถูกวิธีแล้ว
ผลจักเกิดขึ้นในอัตราเดียวกัน

ส่วนที่กล่าวว่าเป็นของสำคัญที่สุดนั้น
ก็เพราะว่าการทำเช่นนี้ เป็นช่องทางที่จะช่วย
ให้เราถึงขีดเต็มเปี่ยมของความเป็นมนุษย์ได้
อันจะทำให้เราเข้าถึงความสุข หรือศานติชนิดหนึ่ง
ที่เราจะพอใจเป็นอย่างมากในเมื่อได้เข้าถึงแล้ว

ใจความของการฝึกฝนบังคับจิตนั้น
เมื่อกล่าวโดยโวหารธรรมดาที่สุดแล้ว
มันเป็นเพียงการระวังรักษาสิ่งที่กลับกลอก
เร็วชนิดหนึ่งนั่นเอง

ถ้าจะเปรียบเทียบด้วยอุปมา เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ
ข้าพเจ้าอยากจะสาธกด้วยเรื่องธรรมดาที่สุดว่า
มีคนๆหนึ่งอยากได้เงินโดยวิธีแสดงละครลิงให้คนดู
เขาก็ต้องไปจับลิงมาฝึกหัดเป็นธรรมดา
ลิงเป็นสัตว์ที่กลับกลอกปลอปลิ้น ลุกลนและรวดเร็วอย่างไร
ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว การที่จะฝึกหรือบังคับลิง
อันเป็นสัตว์ที่มีลักษณะกลับกลอกปานนั้น ให้กลับกลายมาเป็นสัตว์
ที่กระทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดย่อมเป็นของยากและขบขัน
แต่เพราะเป็นของยากนั่นเอง คนจึงอยากดู และเก็บเงินได้ง่ายเพราะเหตุนั้น

หลักใหญ่ๆแห่งการฝึก ในกรณีนี้มีอยู่ว่า
เมื่อจับลิงมาได้แล้ว ในขั้นแรกที่สุดของการฝึก
ก็คือจะต้องปราบปรามให้อยู่ในอำนาจ หรือ
ให้หยุดกิริยาอาการที่ไม่ต้องประสงค์เสียให้ได้ก่อน
เมื่อปราบให้อยู่ในอำนาจได้เป็นขั้นที่หนึ่งดั่งนี้แล้ว

ขั้นต่อไปคือฝึกฝนให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้แปลกๆ
เป็นพิเศษตามที่ต้องการ เมื่อกระทำได้ตามที่ต้องการแล้ว
ผลคือการเก็บเงินค่าดู ก็เป็นสิ่งที่หวังได้โดยแน่นอน

โดยทำนองเดียวกันนี้
จิตก็เป็นสิ่งที่กลับกลอก เบา เร็ว อย่างยิ่ง
ดังที่เราท่านเคยได้ยินได้ฟังท่านเปรียบเทียบกันมา
ก็ประดุจว่าลิงเช่นเดียวกัน

เพราะจิตเป็นของที่เบามาก เร็วมาก
การกลับกลอกจึงเร็วมาก

มิหนำซ้ำ การกลับกลอกนั้น
ยังเป็นการกลับกลอกชนิดที่
จะกลิ้งไปในฝ่ายต่ำ
ไม่ต้องการจะขึ้นมาฝ่ายสูง

เช่นเดียวกับปลาหรือสัตว์น้ำทั่วไป
เมื่อเราจับขึ้นมาจากน้ำ โยนไปบนตลิ่ง
มันก็ดิ้นรนอย่างยิ่ง
และดิ้นรนเพื่อจะกลับลงสู่น้ำ
ไม่ยอมขึ้นบก ฉันใด
จิตนี้ก็ฉันนั้น

มันมีปกติกลับกลอก
และดิ้นลงฝ่ายต่ำ จะลงน้ำ
กล่าวคือ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส
หรือที่เรียกว่าโลกนี่เอง

ฉะนั้น ในขั้นแรกจึงต้องมีการฝึก
ชนิดให้อยู่ในอำนาจเสียก่อน
คือละจากอารมณ์ฝ่ายต่ำที่เปรียบเหมือนน้ำ
มาสงบอยู่ในอารมณ์ฝ่ายสูงอันใดอันหนึ่ง
อันเป็นที่ๆเรากำหนดให้
เมื่อฝึกอยู่ในอำนาจได้เป็นขั้นสมถภาวนาดั่งนี้
ก็เปรียบเหมือนลิงที่ถูกฝึกให้กลัว
และอยู่ในอำนาจได้ขั้นหนึ่งแล้ว
ต่อจากนั้นไปจึงฝึกขั้นสอง
คือขั้นที่ให้กระทำอาการอันวิจิตรอย่างอื่นๆสืบไป
อันเปรียบกันได้กับขั้นวิปัสสนาภาวนา
ต่อจากนั้นคือขั้นมรรคผล
อันเปรียบได้กับการเก็บเงินจากผู้ดูได้ตามที่ตั้งใจไว้เดิม

ที่มา: ปาฐกถาชุด พุทธธรรม - วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม

No comments:

Post a Comment