Monday, January 4, 2010

Happy New Year 2010

อัตตา
====
หลายคนไม่เคยศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจัง
มีอัตตาสูง
เชื่อความรู้ ประสพการณ์
ในความสำเร็จของตนเอง

ไม่เคยหยุด และสังเกตุว่า

มากกว่า 2,500 ปี ***
มีอีกหลายคน...
ที่มีการศึกษาเทียบเท่า หรือสูงกว่าตน
มีรายได้เทียบเท่า หรือสูงกว่าตน
มีอายุและประสบการณ์เทียบเท่า หรือสูงกว่าตน

ตัดสินใจ !!
ศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจังและลึกซึ้ง

ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว พุทธศาสนาไว้ศึกษาตอนแก่
================================
ตัวเราเองตอนอายุ 20 ปี
ก็จะรู้มากกว่าตอนอายุ 10 ปี
ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
สิ่งใดทำแล้ว ชีวิตจะดีขึ้น
สิ่งใดทำแล้ว ชีวิตจะแย่ลง

หากเราอายุ 60 ปี
ประสบการณ์ความรู้ต่างๆของเรา
ก็จะทำให้เราตัดสินเกี่ยวกับเรื่อง
การดำเนินชีวิตได้ดียิ่งขึ้น

หากพระพุทธเจ้า สามารถระลึกชาติย้อนหลัง
กลับไปได้หลายล้านชาติ
คุณคิดว่า ถ้าเรานำความรู้ที่พระองค์สั่งสอนมาใช้
ชีวิตเราจะดีเยี่ยมแค่ไหน

ชีวิตของเรา อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
คุณจะเชื่อประสบการณ์ความรู้ของตัวเอง
หรือจะเลือกเชื่อ พระพุทธเจ้า
ที่ใช้เวลาสั่งสมบารมีมานานนับล้านๆปี

กรรมดี กรรมไม่ดี
ต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสม
ทำอะไรไม่ดี อย่างผิดๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เป็นระยะเวลายาวนานต่อเนื่อง
อาจจะต้องแก้ไขกันยาว
เรียนรู้ซะตั้งแต่วันนี้น่าจะดีกว่า

(ใครที่เคยผ่านอุบัติเหตุใหญ่ๆมา
จะเข้าใจได้ว่า ชีวิตคนเรานั้นแสนเปราะบาง
ความตาย บางครั้ง มาถึงเร็ว อย่างไม่ทันตั้งตัว
อย่าวางแผนว่าแก่แล้วค่อยทำ
เราอาจจะอยู่ไม่ถึงตอนนั้น)

ตรัสรู้ คือ อะไร?
=============
การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือ
การล่วงรู้กฏธรรมชาติ [ก30]

(หมายถึง ธรรมชาติเป็นผู้กำหนดกฏนี้
ไม่ใช่ พระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าแค่ล่วงรู้ เข้าใจกฏนี้)

ตัวอย่าง กฏของธรรมชาติ ได้แก่ กฏแห่งกรรม


Shopping ความเชื่อ
================
ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหม์และฮินดู
และลัทธิต่างๆของจีน และอื่นๆ
เรานับถือแบบจับฉ่าย เอามาหมดจากทุกลัทธิ ทุกความเชื่อ
(เหมือนสงกรานต์ คริสต์มาส ตรุษจีน ไทยเอาหมด)

อะไรอยากจะเชื่อ ก็เชื่อ
อะไรไม่อยากจะเชื่อ ก็ไม่เชื่อ
(อันนี้น้อย โดยมากจะเชื่อไว้ก่อน
เกินไม่เป็นไร)

เช่น บางคนอ้างว่าเรื่องกฏแห่งกรรมนี้
ไม่มีในศาสนาบางศาสนา
เปลี่ยนไปนับถือศาสนานั้น
จะได้รอดพ้นกฏนี้

หรือไม่ก็อ้างว่า ไม่รู้ ไม่ผิด (ไม่บาป)
โดยไม่ได้ฉุดคิดว่า

ธรรมชาติมีกฏเดียว
กฏนี้นำมาใช้กับทุกคน
ไม่ได้สนใจว่า คุณรู้หรือไม่รู้
ไม่ได้สนใจว่า คุณจะนับถือศาสนาอะไร

3 ลัทธิที่ทำให้ชีวิตเสื่อมลง มากกว่าเจริญ [ก13]
====================================
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ให้ระวัง 3 ลัทธิ
1) ลัทธิแล้วแต่กรรมเก่า
2) ลัทธิแล้วแต่พระเจ้าบันดาล
3) ลัทธิแล้วแต่โชคชะตาจะพาไป

3ลัทธิดังกล่าวนี้ "ไม่ใช่" พุทธศาสนา
ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

คนที่เชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์,
การบนบาน, โชคลาง, เชื่อเรื่องเคราะห์, เชื่อดวง เหล่านี้

จะกลายเป็นคนเอาแต่นอนรอให้กรรมเก่าแสดงผล
รอให้พระเจ้าบันดาลโชค
รอให้ดวงดาว ดวงชะตาพาไปสู่สิ่งที่ดี

หนักๆเข้าจะเป็นผู้ไม่เชื่อ กฏแห่งกรรม
ไม่เชื่อหลักความเพียรพยายามของมนุษย์

มีโอกาสเสื่อมลงมากกว่าเจริญขึ้น
ซึ่งนับเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ทีเดียว [ป100]

(เช่น หลงผิด พาตัวเองไปเป็นเหยื่อของการแก้กรรม
การสะเดาะเคราะห์
การดูดวง
การแก้ดวง ฯลฯ)

*แต่สำหรับคนที่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม บวกกับเชื่อเรื่องอื่นๆด้วย
น่าจะเป็นคนที่มีปัญหาเรื่อง จุดยืนไม่ค่อยแข็งแรง
เพราะมันขัดแย้งกันเอง


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความเข้าใจที่ผิดๆ ว่าหลายๆอย่างถูกสอนในพุทธศาสนา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พิธีกรรมทางศาสนา
==============
หลายพิธี เช่น การทอดกฐิน
ไม่ใช่แนวทางที่พระพุทธเจ้าสอน

กฐิน พระพุทธองค์ทรงมุ่งหมายจะให้ภิกษุทำจีวรเป็นด้วยตัวเองด้วยกันทุกรูป
และให้พร้อมเพรียงกันทำด้วยมือของตัวเองในเวลาอันรวดเร็ว
พระองค์ทรงมุ่งหมายจะให้พระทุกรูปหมดความถือเนื้อถือตัว
ไม่ว่าจะเป็นพระผู้น้อย สมถารเจ้าวัดหรือพระผู้ใหญ่มีศักดิ์มีเกียรติอะไรก็ตาม
ต้องลดตัวลงมาเป็นกุลีกันหมดในวันนั้น
เพื่อจะมาระดมกันกะผ้าตัดผ้าเย็บผ้า และอะไรๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่จะให้จีวรนั้นสำเร็จได้ในวันนั้น
พระพุทธเจ้าท่านทรงมุ่งหมายให้สิ่งที่เรียกว่ากฐินเป็นอย่างนั้น
ไม่ไปเกี่ยวกับฆราวาสเลยก็ได้

พุทธศาสนา 'เนื้องอก' ทำนองนี้ ได้งอกมาแล้วนับตั้งแต่วันหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพาน
เป็นเนื้อร้ายชนิดหนึ่ง ซึ่งงอกขึ้นๆ จนปิดบังห่อหุ้มเนื้อดีหรือแก่นแท้ของพุทธศาสนาให้ค่อยๆลบเลือนไป
ธรรมะหรือของจริงที่เคยมีมาแต่ก่อนนั้น ถูกห่อหุ้มโดยพิธีรีตองจนมิด" [ค]

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จาก
ปฏิรูปพิธีกรรม
ประโยชน์สูง ประหยัดสุด ประยุกต์ธรรม
ของหลวงพ่อปัญญานันทะ


การไหว้เทพ ,การบูชาพระเครื่อง
=========================
(ลัทธิแล้วแต่พระเจ้าบันดาล)

ในพระไตรปิฏก ไม่เคยมีเรื่องการให้ไหว้
หรือนับถือเทพองค์ใดเลย [ก78]


สิ่งมงคล
======
ท่านเจ้าคุณ "พุทธทาส" เคยเทศน์ไว้ในสมัยหนึ่งว่า
ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม คือ สิ่งต่างๆ เช่น
ศาลพระภูมิ ต้นโพธิ์ เจดีย์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
ขวางคนไม่ให้เข้าถึง ธรรม
อันเป็นเนื้อแท้ของพุทธศาสนา
เราต้อง "ข้าม" สิ่งเหล่านั้นไป

พระธาตุอะไรๆ ก็อย่าไปหลงมัวเมา
ธาตุแท้ของพระพุทธเจ้า คือ ธรรมะ [ป225]


การกระทำที่เป็นมงคล
================
ตัดผมต้องวันอังคารหรือวันเสาร์ จึงจะเป็นมงคล
ตัดเล็บต้องวันพุธ จึงจะเป็นมงคล
เรียนอะไรต้องเรียนวันพฤหัส จึงจะเป็นมงคล
นุ่งผ้าต้องให้สีตามวัน จึงจะเป็นมงคล
เป็นความงมงาย ไร้เหตุผล [ป101]

เปลื่ยนจากเชื่อที่คนโบราญเขา "ถือ"
มาเป็น "ถือ" ศีลห้า
น่าจะเป็นมงคล
(เหตุแห่งความสุขและความเจริญก้าวหน้าของชีวิต)
ที่แท้จริง [ส]

ฤกษ์ยามมงคล
==========
จิ้งจกตุ๊กแกทัก เท่านั้นเป็นมงคล เท่านี้ไม่เป็นมงคล
หรือ ฤกษ์บวช ฤกษ์สึก ฤกษ์แต่งงาน

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า...
"คนปัญญาอ่อนมัวแต่ไปนั่งดูดาวดูเดือนอยู่
ประโยชน์มันก็ผ่านไปเสีย
ประโยชน์มันเป็นฤกษ์อยู่ในตัวแล้ว
ดวงดาวในท้องฟ้าจะไปช่วยอะไรได้"

"ประโยชน์นั่นแหละ คือ สิ่งที่ควรกระทำเป็นฤกษ์
จะทำอะไรให้รีบทำเสีย อย่าชักช้า" [ป106]

คนปัญญาอ่อน ในที่นี้ น่าจะหมายถึง
คนที่ไม่ได้ใช้ปัญญาในการพิจารณา
ไตร่ตรอง แนวทางที่ตนยึดถือปฏิบัติ
มากกว่าคนที่มีสติไม่ครบถ้วน [ส]

เทวดา
=====
(สื่อ เช่น ละคร ภาพยนตร์
ทำให้เราเข้าใจผิดเรื่องนี้กัน)

เทวดา ไม่ได้เป็นผู้ที่ปราศจากกิเลส ไปซะทุกองค์
บางองค์ยังเหลือกิเลส (รัก โลภ โกรธ หลง) ครบถ้วนเหมือนคนเรา
(เพียงแต่ทำบุญมามากพอ จึงมีโอกาสได้ไปเสวยสุขบนสวรรค์)

เทวดาไม่ได้มีหน้าที่หลักในการช่วยเหลือมนุษย์
(ถ้าคุณเป็นเทวดา ระหว่างอยู่สบายๆ กับรับใช้มนุษย์
คุณจะเลือกอะไร)


พรหมลิขิต
=======
ในพุทธศาสนา ไม่มีพรหมลิขิต (ฟ้าเป็นผู้ลิขึตชีวิต)
มีแต่ "กรรมลิขิต" หรือ กฏแห่งกรรม
เคยทำกรรมใดไว้ กรรมนั้นย่อมตามสนอง

เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น อุบัติเหตุ
บางครั้งเกิดจาก "กรรมเก่า"
บางครั้งเป็น "กรรมใหม่" ที่เราเป็นผู้ประมาท

เราสามารถเปลี่ยนอนาคตของเราได้
ด้วยการทำ "กรรมดี"
ซึ่งจะนำพาเรา ไปสู่ชีวิตที่เจริญยิ่งขึ้น


อธิษฐาน
======
สิ่งดีๆในชีวิตเรา จะไม่สามารถได้มาด้วยวิธีการสวดอ้อนวอน [ก270]

ชาวพุทธผู้เชื่อมั่นในเหตุผลของกรรม
ย่อมจะไม่ทำการอ้อนวอนหรือบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ
เพื่อช่วยเหลือตน
แต่จักเป็นคำเชื่อมั่นในตัวเอง และสร้างความหลุดพ้น [ป134]


ขอคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้
===========================
ไม่มีคำว่า "ดลบันดาล" ในพุทธศาสนา

"ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะมาดลบันดาล
ให้ใครเป็นอะไรๆ"

เราจะดีได้ ด้วยการทำดีของเรา
มั่งมีก็ด้วยการแสวงหาทรัพย์
รู้จักหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้

พูดตามเขาแบบนี้ มันน่าขายหน้า
ไม่สมศักดิ์ศรีของความเป็นพุทธบริษัท

ถ้าจะให้พรใคร ก็บอกว่า
"ขออวยพรให้เธอ มีใจมั่นคงอยู่ในธรรมะ" [ป82]


พิธีแก้กรรม ล้างบาป ลบล้างกรรม
=========================
แม้แต่พระพุทธเจ้า และพระโมคคัลลานะ
ยังต้องรับกรรมเก่าของตนเอง ในชาติสุดท้ายที่เป็นมนุษย์
ในขณะที่เป็นพระอรหันต์แล้ว [ก220]

พระองค์ก็อยู่ภายใต้กฏของธรรมชาติ
"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"
นี้เหมือนกัน


ปลง
===
พุทธศาสนาไม่เคยสอนให้ปลง
ไม่เคยสอนให้ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อกรรมเก่า
แล้วไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น


ศึลข้อ 3
======
คนไทยเราก็เข้าใจผิดกันซะเป็นส่วนมาก
ว่าหมายถึง ชู้ อย่างเดียว
เราก็เลย ผิดกันซะ โดยไม่รู้ตัว
จำไว้นะครับ
ทำผิด โดยที่ "ไม่รู้" จุดจบจะอยู่ที่ "นรก"

อย่าหันหัวไปทางนรกเลยครับ
จากที่พระองค์ได้เปรียบเทียบให้ดู
ทุกข์ทนสาหัสมากครับ [ส]

ศีลข้ออื่นๆ เช่น ข้อ 4 มุสา
ก็เข้าใจผิดกันเยอะไม่แพ้กัน


สวรรค์ในอก นรกอยู่ในใจ !!
======================
นรก สวรรค์ มีลักษณะอย่างไร
เป็นเรื่องที่พระองค์ให้รายละเอียด
อธิบายไว้เยอะ

กฏธรรมชาติอื่นๆ ที่พระองค์ตรัสรู้ เช่น
กฏเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต และ
กฏเกี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต (เช่น โลก อวกาศ)
พระองค์ไม่ทรงสั่งสอนไว้มาก
เพราะไม่ค่อยเกี่ยวกับทางที่จะพ้นทุกข์


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เมื่อเราเอาแนวทางที่ถูกต้องมาประพฤติปฏิบัติแล้ว
(เช่น ไม่หลงเอาลัทธิอื่นมารวมกับพุทธศาสนา
,ไม่เชื่อสิ่งงมงาย
,เชื่อในกฏแห่งกรรม)

พระไตรปิฏก ก็ยังเป็นสิ่งที่ควรศึกษาอยู่ดี !!!

ทำไม ?
- คำบางคำ คนไทยตีความ ความหมายของคำนี้
ไม่ตรงกับพระองค์ เช่น คำว่า โลภ, อธิษฐาน

- การกระทำบางอย่างมันมีรายละเอียดที่ถูกต้องอยู่
เช่น ขั้นตอนวิธีการทำสังฆทานที่ถูกต้อง

การทำบุญที่เอาเราสะดวกเป็นหลัก
(เราอยากจะทำยังไงก็ทำ
เอาสะดวกเราเป็นหลัก
คิดเองว่า ทำบุญแล้ว เราสบายใจเป็นพอ)
ขาดความรู้ ผิดวิธี
อาจกลายเป็น ทำบุญ แล้วติดบาปมาด้วย
เช่น การเลี้ยงอาหารพระที่ถูกวิธี
(จนต้องกลายไปเป็นเปรต) [ก139]

- มันมีเทคนิคพิเศษบางอย่าง เป็นความรู้ ที่ควรจะรู้ เช่น
สิ่งที่ควรทำก่อนตาย (สมมุติว่าป่วยใกล้ตาย)
,เทคนิคในการเลือกที่ไป(นรก-สวรรค์) ในขณะที่กำลังจะตาย
,เทคนิควิธีการขึ้นสวรรค์ไปยังชั้นที่ต้องการ
,เทคนิคพิเศษที่ "เมื่อตายจากชาตินี้ แล้วจะได้ไปสวรรค์" [ก228]


Remark
------
[ก123] หมายถึง คัดย่อมาจากหน้าที่ 123 หนังสือชื่อ ถ้ารู้กูทำไปนานแล้ว
[ป999] คัดย่อมาจากหน้าที่ 999 หนังสือชื่อ ปฏิวัติความงมงาย
เลิกเชื่อไร้เหตุผล พึ่งตนและพึ่งธรรมะ
ของหลวงพ่อปัญญานันทะ
[ค] หนังสือคู่มือมนุษย์ ของท่านพุทธทาสภิกขุ
[ส] ความคิดเห็นส่วนตัว


**********************************

เนื่องในโอกาศวันปีใหม่นี้
ผมขอมอบสรุปความรู้(บางส่วน) ความเข้าใจ
ตามที่ได้ศึกษาจากหนังสืออ้างอิงข้างต้น
เกี่ยวกับพุทธศาสนานี้ ให้ท่าน
เพื่อจุดประกาย ความใคร่รู้ในพุทธศาสนา
เพื่อจะได้ใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต
เพื่อให้ท่าน รวมทั้งบุคคลใกล้ชิดของทุกท่าน
มีความสุขสวัสดีตลอดไป

**********************************

"ใครที่อยากตอบแทนพ่อแม่ให้สมกับบุญคุญที่ท่านมีต่อเรา
พระพุทธเจ้าตรัสว่า มีทางเดียวเท่านั้น คือ
ให้ธรรมะแก่ท่าน" [ก117]

(New Year Resolution ของเราในปีนี้
เราอาจจะอธิษฐานว่า
1) เราจะเป็นชาวพุทธเต็มตัว
ไม่ใช่ครึ่งพุทธ ครึ่งพราหม์
2) เราจะพยายามให้พ่อแม่ได้รู้จักพุทธศาสนาที่แท้จริง ที่ถูกต้อง
ไม่ใช่นับถือลัทธิข้างต้น
แล้วเข้าใจว่าเป็น พุทธศาสนา
3) ให้ท่านได้รู้จัก ศีล กับ สมาธิ
ที่เป็นบุญซึ่งยิ่งใหญ่ว่า ทาน เช่น ตักบาตร
4) ไม่เสียเงินเสียทองกับการบำรุง
พิธีกรรม "เนื้องอก" ทางศาสนา
เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุญของท่านครับ)


อยากจะขอทิ้งท้ายอีกสักนิดนึง
ศึกษาธรรมะ จะมีเนื้อหารายละเอียด
เกี่ยวกับ บุญ อยู่เยอะ แต่

"การมุ่งทำบุญที่เน้นที่ผลของบุญ
เราจะไม่ได้ละทิ้งความตระหนี่
เราจะไม่ได้ขัดเกลากิเลส
เราจะไม่ได้พัฒนาจิตใจให้เอื้อเฟื้อ
เป็นวิธีการทำบุญที่ไม่ถูกต้องสมบูรณ์" [ก288]

No comments:

Post a Comment